Gender Top Stories

ทำความรู้จัก Polyamory เมื่อรักมีมากกว่าเราสอง

ถ้าความรักมีมากกว่า 2 คน จะเรียกว่าเป็นการนอกใจหรือไม่ 

เรื่อง : วรัญชัย เจริญโชติ
ภาพ :
pixelshot และ Polyamory Uk

ถ้าความรักมีมากกว่า 2 คน จะเรียกว่าเป็นการนอกใจหรือไม่ 

นิสิตนักศึกษาชวนทำความรู้จักกับความสัมพันธ์แบบรักหลายคน หรือ Polyamory หนึ่งในความสัมพันธ์แบบเปิด (Open Relationship) ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในสังคมไทย และมักถูกเข้าใจผิดในหลากหลายประเด็น

โดยทั่วไปแล้วคนไทย จะรู้จักคำว่า Polygamy มากกว่า เนื่องจากความสัมพันธ์รูปแบบนี้อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างช้านาน ผนวกกับถูกหยิบยกมานำเสนอผ่านสื่ออยู่เป็นประจำ เฉพาะอย่างยิ่งในละครหรือภาพยนตร์ย้อนยุค โดยจะมีคำเรียกความสัมพันธ์นี้ว่า 

‘ผัวเดียวหลายเมีย’ หรือ ‘เมียเดียวหลายผัว’

คนไทยจึงมักเข้าใจผิดว่า Polyamory กับ Polygamy เป็นความสัมพันธ์รูปแบบเดียวกัน หากแต่ความเป็นจริงนั้น ความสัมพันธ์ทั้งสองรูปแบบกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Polyamory คืออะไร

Polyamory มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกและลาติน โดย poly (กรีก) แปลว่า หลาย มากมาย และ amor (ลาติน) แปลว่า ความรัก บทความ เรื่อง Open Relationship : ความสัมพันธ์ที่มากกว่าสองคน ของ ภาณุ สหัสสานนท์ อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเกี่ยวกับ Polyamory ไว้ว่า

ความสัมพันธ์แบบรักหลายคน (Polyamory) นับเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์แบบเปิด (Open Relationship) โดยมีลักษณะที่บุคคลร่วมความสัมพันธ์มีข้อตกลงร่วมกันที่จะมีความรัก ความผูกพัน หรือเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ มากกว่า 1 คน โดยให้ความสำคัญกับ ‘ความยินยอม’ และ ‘ความเท่าเทียม’” เช่น

“A เป็นแฟนกับ B โดยที่ B เป็นแฟนกับ C และ C ก็เป็นแฟนกับ A อีกที”*

กล่าวคือ ทั้ง A, B และ C ต่างร่วมมีความสัมพันธ์ในฐานะเดียวกัน คือ แฟนของกันและกัน โดยที่ทุกฝ่ายต่างรับรู้และยินยอมซึ่งกันและกัน ซึ่งจะแตกต่างจากความสัมพันธ์แบบ Polygamy ที่แม้จะมีคนรักในความสัมพันธ์มากกว่า 1 คน แต่ Polygamy มักยึดโยงหรือให้อำนาจกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งในความสัมพันธ์ เช่น

“A จะมีแฟนจำนวนกี่คนก็ได้ แต่ B , C และบุคคลอื่นในความสัมพันธ์ จะมีเพียง A เท่านั้น”*

*หมายเหตุ : ทั้ง 2 ตัวอย่างที่นำมาอธิบายข้างต้น เป็นเพียงหนึ่งในลักษณะความสัมพันธ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในความสัมพันธ์ทั้งสองรูปแบบ แต่ยังมีลักษณะอื่น ๆ ร่วมอีก เช่น คบกันสี่คนโดยทั้งสี่คนไม่ต้องผูกพันกัน ตัวอย่างดังกล่าว เป็นเพียงการอธิบายให้เห็นภาพอย่างชัดเจน เพื่อสะดวกต่อการทำความเข้าใจ

Polyamory เกิดขึ้นได้อย่างไร

Polyamory สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ เพราะเมื่อเราดำเนินความสัมพันธ์ไปถึงจุดหนึ่ง อาจเกิดความรู้สึกที่ต้องการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายในความสัมพันธ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายเหตุผล เนื่องจากความต้องการของแต่ละคนบนความสัมพันธ์แตกต่างกัน เปปเปอร์ ชวาร์ตซ์ (Pepper Schwartz) ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยวอชิงตัน อธิบายผ่านบทความสัมภาษณ์กับ AvvoStories เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของความสัมพันธ์แบบ non-monogamy ว่า 

“มนุษย์อาจไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อมีคู่ชีวิตเพียงคนเดียวอยู่แล้ว เพราะค่านิยมผัวเดียวเมียเดียว เพิ่งเกิดขึ้นหลังยุคที่ผู้คนเริ่มมีการถือครองทรัพย์สิน ในยุคที่ผู้หญิงยังไม่ได้รับโอกาสทางสังคม การแต่งงานกลับเป็นเหมือนหลักประกันความมั่นคงในชีวิต และเป็นเครื่องมือในการสืบทอดมรดก ‘ผัวเดียวเมียเดียว’ จึงเป็นนิยามความรักที่สมบูรณ์แบบ”

ทว่า ปัจจุบันผู้หญิงสามารถมีความมั่นคงในชีวิตได้พอ ๆ กับผู้ชาย สามารถเลือกเส้นทางชีวิตของตนเองได้ หลักประกันอย่างการแต่งงานจึงเริ่มถูกลดความสำคัญลง มีส่วนทำให้เกิดความรักแบบหลายคนขึ้น

เดโบรา อนาพอล (Deborah Anapol) ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศ นิเวศวิทยา และผู้เขียนหนังสือ Polyamory in the 21th Century ได้เผยผ่านบทความ The Truth About Polyamory ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ Pychology Today เมื่อปี 2013 ว่า บริบทชีวิตของบางคนอาจเหมาะกับการมีความสัมพันธ์แบบ Polyamory หากมีการสื่อสารที่เข้าใจกัน กำหนดเงื่อนไขบนความสัมพันธ์ที่ชัดเจน เคารพและให้เกียรติกัน ความสัมพันธ์แบบรักหลายคนสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับคู่รักในบางประการได้ เพราะบางปัญหาที่เกิดขึ้นบนชีวิตคู่ เช่น ไม่มีเวลาร่วมกัน ความชอบที่ต่างกันในบางเรื่อง หรือความต้องการทางเพศที่ต่างกัน อาจแก้ได้ด้วยการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป จึงทำให้คู่รักหลายคู่ในสหรัฐฯ เริ่มเปิดใจหาคนในความสัมพันธ์เพิ่ม 

Polyamory ในไทย กับ ‘ความท้าทาย’ ในชีวิตรัก

นิสิตนักศึกษาได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้มีความสัมพันธ์แบบ Polyamory กลุ่มหนึ่ง ถึงเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ และความท้าทายที่พวกเขาต้องเผชิญ ท่ามกลางสังคมไทยที่ยังไม่คุ้นชินกับความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้เท่าที่ควร โดย Polyamory กลุ่มนี้มีลักษณะความสัมพันธ์แบบชายรักชาย ซึ่ง ‘ทั้งสามคนเป็นแฟนซึ่งกันและกัน’ และกำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา

จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์นั้น นายพี (นามสมมติ) เล่าว่า เดิมทีเขากับ นายวี (นามสมมติ) เป็นคู่รักธรรมดาคู่หนึ่ง เหมือนคู่รักทั่วไป เมื่อคบกันมาถึงจุดหนึ่ง เริ่มเกิดความรู้สึกว่า ‘มีบางอย่างที่อีกฝ่ายให้ไม่ได้’ เขาทั้งสองจึงเริ่มเปิดใจคุยกัน 

“เราทั้งสองคนใช้เวลาพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง และใช้เวลาทำความเข้าใจกันอยู่หลายเดือน โดยที่ไม่ได้บังคับหรือฝืนใจใด ๆ รวมถึงไม่ได้มีการทะเลาะหรือผิดใจกันเกิดขึ้น เป็นการเปิดใจพูดคุยกันตรง ๆ เริ่มจากทบทวนความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกัน และหนทางแก้ไขที่คิดว่าเหมาะสม จนนำไปสู่การหาบุคคลที่สามที่จะเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย” นายพีกล่าว

ในช่วงแรก นายวียอมรับว่าตนต้องการเวลาในการทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการมีบุคคลที่สามบนความสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับตนมาก ๆ  ขณะเดียวกัน ‘ความยินยอม’ เป็นสิ่งสำคัญที่นายพีคำนึงตลอดระหว่างช่วงที่พูดคุยกัน หากนายวีไม่ยินยอม เขาจะยุติความคิดที่จะหาคนที่สามเข้ามาในความสัมพันธ์ทันที แต่เมื่อได้รับความยินยอมจากนายวี การหาคนเพิ่มเข้ามาก็เริ่มต้นขึ้น

ทั้งนี้ นายวีได้กำหนดเงื่อนไขไว้ที่ 2 เดือน สำหรับการทดลองความสัมพันธ์ เมื่อครบเวลาที่กำหนดไว้ จะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง และหาทางออกใหม่ร่วมกันอีกรอบ

นายซี (นามสมมติ) เป็นรุ่นน้องที่รู้จักของนายพี เขาเป็นคนที่ถูกเลือกเข้ามาช่วยเติมเต็มในความสัมพันธ์นี้ ก่อนเข้ามานายซี ‘รับรู้’ ว่ามีนายวีด้วยอีกคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับนายซีเช่นกัน อย่างไรก็ดี นายซียินยอมในเงื่อนไข 2 เดือน ที่จะทดลองมีความสัมพันธ์แบบ 3 คน พวกเขาทั้งสามใช้เวลาเรียนรู้กันอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่ทั้งสามจะปรับตัวเข้าหากันได้ และกลายมาเป็นแฟนซึ่งกันและกัน

เมื่อ ‘เราสาม’ เริ่มความสัมพันธ์

“ช่วงแรกมักโดนเข้าใจผิดตลอดว่า เป็นคนไม่รู้จักพอบ้าง นอกใจบ้าง แต่ความจริงนั้นไม่ใช่แบบที่คนเข้าใจผิดกัน เราไม่ได้นอกใจนายวี และเราไม่เคยไปทำความรู้จักเชิงชู้สาวกับนายซีมาก่อน” นายพีกล่าว

ขณะเดียวกันนายซีได้เล่าว่า “มักโดนเข้าใจผิดว่าไปแย่งแฟนคนอื่นมา ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่มีใครแย่งแฟนใครมาทั้งนั้น”

นายพีเล่าว่า พวกเขาต้องพบเจอกับความเข้าใจผิดเหล่านี้อยู่ตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง พวกเขาทั้งสามคนเลือกที่จะปล่อยผ่าน เพราะทั้งสามคนรู้ตัวดีว่าความจริงคืออะไร และเขาทั้งสามคนก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นกล่าวหากัน

ทั้งนี้ หากอ้างอิงตามบทความ Open Relationship : ความสัมพันธ์ที่มากกว่าสองคน ความสัมพันธ์รูปแบบ Polyamory ในทางวิชาการจะไม่ถือว่าเป็นการนอกใจ เนื่องจากความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากทุกคนในความสัมพันธ์ ไม่ได้ปิดบัง แอบทำ หรือกระทำทั้งที่ไม่ได้รับการยินยอม 

สอดคล้องกับลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างนายพี นายวี และนายซี นั่นคือ ทุกฝ่ายรับรู้ ยินยอม และไม่ได้แอบกระทำลับหลังกัน

หลายคนสงสัยว่านายพีรักใครมากกว่ากัน คำตอบ คือ ‘เท่ากัน’

นายพีอธิบายว่า ตั้งแต่คิดจะนำนายซีเข้ามาในความสัมพันธ์ เขาตั้งมั่นที่จะมอบความรักให้นายซีเหมือนกับตอนที่คบอยู่แค่กับนายวี ขณะเดียวกัน นายวีก็แสดงความรักกับนายซีอย่างเท่า ๆ กัน พวกเขาทั้งสามต่างใส่ใจและเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมารู้สึกเสียเปรียบทีหลัง

นายซี แม้จะอยู่ไกลจากทั้ง 2 คน โดยนายซีอยู่ที่หนองคาย ขณะที่นายพีกับนายวีอยู่กรุงเทพฯ นายซีก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดหาย เพราะเขารู้สึกว่าได้รับความใส่ใจจากทั้งสอง แม้ทั้งสองคนจะอยู่ใกล้กัน เดินทางไปหากันง่ายกว่ามาหานายซี แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกห่างเหินจากทั้งสองคนเลย 

“วิธีการแสดงความรักของพวกเราอาจไม่ได้หวือหวา”

นายพี กล่าว

เพราะภาพความรักที่ทั้งสามตกลงกัน ไม่ใช่ความรักที่ต้องหวานฉ่ำออกรสชาติดุจนิยายรัก หากแต่เป็นความรักที่สม่ำเสมอและใส่ใจกัน พวกเขาจะพยายามหาเวลาว่างมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น ไปเที่ยว เล่นเกม และคุยกันบ่อย ๆ  

พวกเขาทั้งสามบอกว่า เป็นความโชคดีที่เพื่อนและครอบครัวของทั้งสามคนล้วน ‘เข้าใจ’ ถึงความสัมพันธ์ที่พวกเขามีอยู่ จึงไม่ได้มีปัญหาในการใช้ชีวิตมากนัก ส่วนใหญ่คนที่เข้าใจผิดมักเป็นคนนอกที่ไม่ได้รู้จักกันหรือแค่รู้จักกันผ่าน ๆ ซึ่งพวกเขาไม่ได้ติดใจอะไรและเลือกที่จะปล่อยผ่านอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เพราะเข้าใจว่าความสัมพันธ์รูปแบบนี้เป็นเรื่องใหม่มาก ๆ ของสังคมไทย

ความเข้าใจของคนไทยเกี่ยวกับ Polyamory ในปัจจุบัน

ปัจจุบัน สังคมไทยเริ่มแสดงความสนใจถึงการมีอยู่ของความสัมพันธ์ในรูปแบบ Polyamory อยู่บ้าง เช่น กรณีของ เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ นักร้องดัง ที่เคยออกมาเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับแฟนทั้งสองคนผ่านรายการ Club Friday เมื่อปี 2566 ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มของความสัมพันธ์แบบ Polyamory กลุ่มหนึ่ง ภายหลังจากการเปิดเผยความสัมพันธ์ มีทั้งคนที่ทราบอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแฟนคลับที่ติดตามกันมานานและคนใกล้ตัวของ เบน ชลาทิศ ขณะเดียวกันก็มีคนที่เพิ่งรับรู้ บางคนเข้าใจและมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ขณะที่บางคนตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้และการใช้ชีวิตรัก

อย่างไรก็ดี ณ ช่วงเวลาดังกล่าว สังคมก็ไม่ได้ประณามความสัมพันธ์ของเขา อาจเพราะมันเกิดขึ้นด้วยความรักและความยินยอม สังคมรอบข้างของเขาจึงเปิดกว้างและเข้าใจ และเขายังคงสามารถทำงานปรากฏผ่านสื่อได้ตามปกติ แม้ปัจจุบัน เบน ชลาทิศ จะยุติความสัมพันธ์กับแฟนทั้งสองแล้ว แต่เขายังคงเชื่อมั่นและให้สัมภาษณ์ผ่าน The People ว่า “ความรักมีได้มากกว่าหนึ่ง”

“เราทำทุกวันให้เป็นปกติ แม้ไม่ได้ปิดเรื่องความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องป่าวประกาศ”

นายพี กล่าว

ความสัมพันธ์แบบรักหลายคน (Polyamory) แทบไม่ต่างอะไรจากคู่รักทั่วไปเลย พวกเขามีความรักให้กัน ใส่ใจกัน และมีเวลาร่วมกัน ความหลากหลายของความสัมพันธ์ที่แตกต่างนี้ จึงเป็นสิ่งที่รอการเรียนรู้และทำความเข้าใจจากสังคมมากยิ่งขึ้น  

อ้างอิง