Innovation

สวนหลวง-สามย่านสู่การพัฒนาเมือง (จุฬาฯ) อัจฉริยะ

โครงการพัฒนาพื้นที่สวนหลวง-สามย่าน ย่านธุรกิจกลางเมืองของกรุงเทพมหานครที่มีประชากรหนาแน่นและมีการบริโภคทรัพยากรสูง ให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ ภายใต้ชื่อโครงการเมืองจุฬาฯ อัจฉริยะ

ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ สายลมที่อ่อนโยนพัดพลิ้วพาเศษใบไม้ใบหญ้าปลิวข้ามทางเดินที่เป็นดั่งลู่วิ่งให้ผู้คนออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างมีรอยยิ้มที่อิ่มเอมอันเกิดจากการมาทำกิจกรรมร่วมกันในสวน บ้างก็กระโดดเชือก บ้างก็ตีแบดมินตัน หรือแม้แต่ปั่นกังหันน้ำพลังงานมนุษย์กันอย่างสนุกสนาน เสียงคลอของน้ำพุที่ดังอย่างต่อเนื่องประกอบกับเสียงใบไม้ไหวประสานกับแสงไฟในยามพลบค่ำเป็นเส้นโค้งทอดยาวตามแนวสะพานข้ามแอ่งรองรับน้ำตามธรรมชาติ เกิดฉากที่มีชีวิตชีวาบนพื้นผิวน้ำที่สะท้อนผ่านเบื้องบนดั่งกระจกวิเศษที่งดงาม

โครงการอุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2560 ด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 29 ไร่ ประกอบด้วยอาคารเอนกประสงค์สำหรับจัดนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ พร้อมที่จอดรถกว่า 200 คัน พื้นที่ของโครงการยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้ท้องถิ่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ต้นจามจุรี ต้นมะค่า ต้นตะเคียน อีกทั้งยังมีห้องเรียนกลางแจ้งแปดแห่งทั่วอุทยาน เช่น Earth Room ที่รวบรวมดินหลากชนิดจากทั่วประเทศ Herb Room ที่รวบรวมสมุนไพรนานาชนิด หรือ Sand Room ลานสนามเด็กเล่นของเด็กๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ทำกิจกรรมที่รองรับผู้คนตั้งแต่กลุ่มเล็กไม่เกิน 50 คน ไปจนถึงเต็มสนามที่จุได้เกือบ 10,000 คน พื้นที่ลาดเอียงของสวนยังทำให้น้ำฝนไหลมารวมกันที่สระรับน้ำตามธรรมชาติบริเวณด้านหน้าและด้านข้างของอุทยาน เพื่อกักเก็บน้ำและหมุนเวียนน้ำไว้ใช้หล่อเลี้ยงต้นไม้บริเวณสวนทั้งหมดผ่านระบบบำบัดน้ำเสียตามธรรมชาติจากรากต้นไม้ได้ตลอดทั้งปี

ญานิศา สิทธารถ นิสิตชั้นปีที่สอง คณะครุศาสตร์ บอกว่า ชอบที่อุทยานแห่งนี้เป็นที่พักผ่อนและผ่อนคลายให้กับทุกคนได้ ส่วน ศุภเสกข์ คาดการณ์ไกล นิสิตชั้นปีที่หนึ่ง คณะวิทยาศาสตร์ บอกว่าอุทยานจุฬาฯ ดูร่มรื่น ต่างจากบริเวณพื้นที่รอบข้างที่เต็มไปด้วยตึก อีกทั้งยังอยากให้นิสิตนักศึกษา เด็กและผู้ใหญ่ได้มาวิ่งเล่น ทำกิจกรรม เล่นกีฬากัน

อุทยานช่วยเชื่อมชุมชุน-เมืองเข้าด้วยกัน

chulasmartcitywp

สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระบุว่า พื้นที่โครงการอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมืองจุฬาฯ อัจฉริยะ หรือ CU Smart City ซึ่งเป็นโครงการตามแผนแม่บทเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณสวนหลวง-สามย่าน ขนาด 291 ไร่ ซึ่งมีความหนาแน่นของประชากรและมีการบริโภคทรัพยากรสูงใจกลางเมือง และเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร แต่เดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งค้าอะไหล่รถเก่า สินค้ากีฬา สำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร มากว่า 40 ปี และมีสิ่งปลูกสร้างที่ทรุดโทรมเพราะถูกใช้งานมายาวนาน ปัญหาของโครงการมีตั้งแต่ขนาดของพื้นที่ซึ่งต้องใช้เวลานานในการพัฒนา อีกทั้งยังขาดพื้นที่สีเขียว และการเชื่อมต่อโดยตรงกับรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ไกลระยะเดินเท้า ผู้พัฒนาโครงการจึงสร้างกระบวนการร่วมหารือกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประชาคมจุฬาฯ กลุ่มผู้เช่า องค์กรที่มีบทบาทสำคัญทางนโยบาย ภาคีภาครัฐ เอกชน และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแก้ไขปัญหาและหาทางออกร่วมกัน

ผลจากการหารือร่วมกันหลายฝ่ายจึงได้เกิดแนวคิดหลักของโครงการเมืองจุฬาฯ อัจฉริยะ ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่สามส่วน ได้แก่ พื้นที่ต้นแบบเมืองสุขภาวะที่ผู้คนจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้อย่างมีสุขภาพที่ดี พื้นที่ต้นแบบทางธุรกิจ-สังคมเมืองใหม่ที่จะเป็นจุดนัดพบระหว่างผลผลิตทางวิชาการกับประชาคมกลุ่มธุรกิจต่างๆ และพื้นที่ต้นแบบเมืองอัจฉริยะที่จะนำเทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบต่างๆ มาปรับใช้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อผู้อยู่อาศัยในเมือง

นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยเพื่อรองรับการทำกิจกรรม สันทนาการต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์รูปแบบวิถีชีวิตของคนเมือง เพิ่มพื้นที่สีเขียวเชิงนิเวศที่ผู้คนสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวกสบายและต่อเนื่องตลอดทั้งโครงการ รวมทั้งยังมีเทคโนโลยีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบทำความเย็นครบวงจร ระบบพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนร้อยละ 10 ของพื้นที่ พร้อมทั้งพื้นที่จอดรถรวมกว่า 15,000 คัน และรถไฟฟ้าล้อยางเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความสะดวกและคล่องตัวในการสัญจรภายในโครงการ

chulasmartcityzone

ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) องค์กรความร่วมมือระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่าพื้นที่โครงการเมืองอัจฉริยะแบ่งออกเป็น 5 โซน แต่ละโซนจะประกอบไปด้วยพื้นที่พาณิชยกรรม พื้นที่สำนักงาน ศูนย์สร้างสรรค์และนวัตกรรม ศูนย์ประชุมและการจัดแสดงกิจกรรม นิทรรศการต่างๆ และโรงแรม รวมทั้งมีพื้นที่สีเขียวทั้งภายในอาคารและนอกอาคารเพื่อเติมเต็มพื้นที่สีเขียวและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน โดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินฯ จะเรียกการแบ่งโซนต่างๆ ว่า หมอน โดยแต่ละหมอนก็จะถูกพัฒนาไปตามแนวคิดการแบ่งโซนที่ถูกวางเอาไว้

ชนม์นิภา ชาวอบทม นิสิตชั้นปีที่สี่ คณะนิติศาสตร์ มองว่าอยากสนับสนุนให้โครงการเมืองจุฬาฯ อัจฉริยะเกิดขึ้นโดยเร็ว หากสามารถตอบสนองสังคมผู้สูงอายุได้ เนื่องจากการพัฒนาเมืองในปัจจุบันยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงวัยตามหลักการออกแบบสากล ซึ่งทุกคนควรสามารถเข้าถึงและใช้งานได้จริง

โอวิทย์ ถนอม ผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งในโครงการ เล่าว่าโครงการบางส่วนยังคงเงียบเหงาเนื่องจากการเข้าถึงพื้นที่ที่ไม่อำนวย ต่างจากฝั่งสยามสแควร์ที่มีรถไฟฟ้าเข้าถึงได้สะดวก “ลูกค้าของร้านส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำที่รู้จักร้านมาก่อน และนิสิตจุฬาฯ ที่อยู่ไม่ไกล” และยังได้เล่าว่าพื้นที่จอดรถที่อยู่ติดกับร้านสามารถดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการได้

 

แนวคิด Smart City ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

smartcitywp

สถาบันอาคารเขียวไทย หน่วยงานอิสระจากการรวมกลุ่มอาสาสมัครของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งให้การรับรองอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ระบุในเว็บไซต์ว่า Smart City คือเมืองที่ได้รับการออกแบบโดยมุ่งส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทดแทน รวมทั้งการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรของเมืองเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ระบบบริหารจัดการเครือข่ายพลังงานอัจฉริยะ ระบบมิเตอร์อัตโนมัติ ระบบควบคุมการจราจรและอาคารอัจฉริยะ และระบบตรวจวัดมลภาวะ เป็นต้น เกณฑ์ประเมิน Smart City ประกอบด้วยตัวชี้วัด 7 ส่วนได้แก่

  1. พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) คือการผลิตพลังงานทดแทนและสะสมพลังงาน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า
  2.  การสัญจรอัจฉริยะ (Smart Mobility) คือการวางผังโครงสร้างของระบบพลังงาน ระบบการจ่ายน้ำ ระบบการขนส่ง ระบบโดยสารสาธารณะ การบริหารที่จอดรถ การส่งเสริมการเดิน การใช้จักรยาน การจัดเตรียมสถานพยาบาล ระบบฉุกเฉิน ระบบความปลอดภัย รวมถึงการบริหารจัดการขยะและน้ำเสีย
  3. ชุมชนอัจฉริยะ (Smart Community) คือการส่งเสริมมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดี ด้านความปลอดภัย สวัสดิภาพ สุขภาพ การศึกษา การป้องกันภัยพิบัติ การดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการ
  4. สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) คือการรักษาสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์ การส่งเสริมการเกษตรและแหล่งผลิตอาหาร พื้นที่สีเขียว การบริหารจัดการมลภาวะทางน้ำและอากาศ
  5. เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) คือโมเดลทางธุรกิจและนวัตกรรม  เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน การมีส่วนร่วมและเป็นหุ้นส่วน การบริหารรายได้และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเมืองที่ยั่งยืน
  6. อาคารอัจฉริยะ (Smart Building) คือการพัฒนาอาคารที่ใช้พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ เช่น ระบบอาคารหรือบ้านอัจฉริยะ
  7. การปกครองอัจฉริยะ (Smart Governance) คือการนำหลักการเมืองอัจฉริยะมาบริหารจัดการภาวะความเป็นผู้นำ ยุทธศาสตร์ โครงสร้าง และการวัดผลสำเร็จ

นอกจากนี้โครงการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อเสนอแนะแนวทางการยกระดับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้กรอบ Internet of Things และ Smart City ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ยังระบุว่า Smart City คือเมืองที่ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการทำให้คุณภาพชีวิตในเมืองนั้นๆ ดีขึ้น รวมถึงลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานของเมืองลงอย่างยั่งยืน การสร้าง Smart City ต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ Efficient การใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด Sustainable มีความยั่งยืนทั้งในแง่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและต้นทุน และ Liveable คุณภาพชีวิตของคนอยู่อาศัยต้องดี

wp

ผศ.ดร.จิตติศักดิ์ ธรรมาภรณ์พิลาศ ผู้ช่วยอธิการบดี งานด้านการจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าสำนักงานจัดการทรัพย์สินฯ พยายายามก้าวไปสู่การสร้างเมืองอัจฉริยะโดยนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ส่งเสริมการพัฒนาร่วมกับแผนแม่บท

ผศ.ดร.จิตติศักดิ์อธิบายว่า แต่เดิมอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ไม่ได้ถูกวางให้เป็นพื้นที่ริเริ่มโครงการเมืองจุฬาฯ อัจฉริยะ  เพียงแต่เป็นองค์ประกอบหนึ่ง เนื่องจากเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ผู้บริหารชุดก่อนในวาระครบรอบ 100 ปีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวแก่ชุมชนโดยรอบ และตอบแทนสังคมในฐานะบทบาทมหาวิทยาลัยสีเขียว

ด้านปัญหาการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ภายในโครงการ ผศ.ดร.จิตติศักดิ์กล่าวว่า ระบบการขนส่งอัจฉริยะ (Smart  Mobility) ถือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของ Smart City ที่จะสร้างเมืองให้เติบโต สำนักงานจัดการทรัพย์สินฯ จึงมีแผนให้บริการรถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รถปอพ.) ที่จะเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่าน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกและดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาในพื้นที่ได้มากขึ้น หากในอนาคตพื้นที่เมืองเจริญขึ้น จำนวนประชากรและความถี่ของกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น สำนักงานจัดการทรัพย์สินฯ คาดว่าจะนำรถรางมาให้บริการแทนรถโดยสารภายในจุฬาฯ เนื่องจากสามารถขนส่งผู้คนได้จำนวนมาก ส่วนรถไฟรางเดี่ยวหรือโมโนเรลนั้นเคยมีการศึกษา แต่พบว่าค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาและดำเนินการไม่คุ้มค่ากับปริมาณผู้ใช้งาน

ผศ.ดร.จิตติศักดิ์กล่าวว่า สำนักงานจัดการทรัพย์สินฯ จะพยายามพัฒนาโครงการเมืองจุฬาฯ อัจฉริยะให้ดี เพราะโครงการไม่ได้เพียงตอบโจทย์เฉพาะคนในจุฬาฯ แต่ยังสร้างประโยชน์ให้กับชุุมชนและสังคมด้วย

“โครงการเมืองจุฬาฯ อัจฉริยะจะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาพื้นที่สวนหลวง-สามย่าน เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ชุมชนยั่งยืน และสร้างการเชื่อมต่อด้วยระบบขนส่งสาธารณะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” ผศ.ดร.จิตติศักดิ์ กล่าว


FYI : Smart City คืออะไร?

           Smart City เป็นคำเรียกเมืองที่มีระบบสื่อสารด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้คุณภาพในการใช้ชีวิตใน เมืองนั้นดีขึ้น ลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลังงานของเมืองลง นอกจากนี้ยังมีคำนิยามอื่นๆ อีก เช่น

  • Smart City คือ เมืองที่มีเทคโนโลยีดิจิตอลที่ฝังอยู่ในทุกฟังก์ชันของเมือง
  • Smart City คือ เมืองที่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายของโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ โครงสร้าง พื้นฐานด้าน IT โครงสร้างพื้นฐานทางสังคมและโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจ เพื่อทำให้เกิดการยกระดับความอัจฉริยะของเมือง
  • Smart City คือ เมืองที่เป็นการรวมกันระหว่างเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) และโครงสร้างการ วางแผน และออกแบบเพื่อที่จะทำให้เป็นรูปร่างและเพิ่มความเร็วในกระบวนการของระบบราชการ และสื่อถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาการจัดการความซับซ้อนของเมือง เพื่อความน่าอยู่และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  • Smart City หรือ เมืองอัจฉริยะ เป็นรูปแบบการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิตอล หรือข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสาร (ICT) ในการเพิ่มประสิทธิและคุณภาพของบริการชุมชน เพื่อช่วยในการลดต้นทุน และลดการบริโภคของประชากร โดยยังคงเพิ่มประสิทธิภาพให้ ประชาชนสามารถอยู่อาศัยได้ในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

จากคำจำกัดความของ Smart City รูปแบบของเมืองอัจฉริยะจึงควรเป็น “เมืองที่มีระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ ที่ทำให้คุณภาพในการใช้ชีวิตในเมืองๆ นั้นดีขึ้น ลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้ พลังงานของเมืองลงอย่างยั่งยืน”

ที่มา : โครงการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อเสนอแนะแนวทางการยกระดับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้กรอบของ Internet of Things และ Smart City ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)


 

%d bloggers like this: