เช่นเดียวกับพื้นที่ Central ของเกาะฮ่องกง เดิมเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Victoria City ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางราชการและการทหาร ต่อมาพื้นที่ดังกล่าวจะถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเป็นเมืองท่าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
ในปัจจุบันพื้นที่ Central ได้กลายเป็นแหล่งรวบรวมความเจริญทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า โรงเรียน สถาบันการเงิน สถานที่ราชการไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายที่รองรับผู้คนทั้งจากในฮ่องกงและชาวต่างชาติ และด้วยความเจริญที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดทำให้พื้นที่ Central ในปัจจุบันถูกเติมเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างและอาคารตึกสูงที่ค่อยๆ กลืนกินพื้นที่ศูนย์กลางของเกาะฮ่องกงแห่งนี้ และนี่จึงเป็นที่มาของโครงการ “Conserving Central” โครงการที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 เพื่อรักษาสถาปัตยกรรมดั่งเดิมของเกาะฮ่องกงเอาไว้
แผนที่ Conserving central
Conserving Central เป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลฮ่องกงที่มีเป้าหมายเพื่อให้องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ เข้ามาปรับปรุงพื้นที่และอาคารเก่าของรัฐบาล เพื่อประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม โดยโครงการดังกล่าวมีแผนในการปรับปรุงพื้นที่ทั้งหมด 19 แห่งและได้อยู่ในแผนดำเนินการในพื้นที่ Central ทั้งหมด 8 แห่ง ได้แก่
Murray Building
Former French Mission Building
New Central Harbour Front
Central Market
The Central Police Station Compound
Police Married Quarters at Hollywood Road
Redevelopment of Hong kong Sheng Keng Hui Compound
Central Government Offices Complex
พื้นที่ต่างๆ เหล่านี้จะถูกปรับเปลี่ยนให้มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งในด้านรูปแบบและการใช้สอย รวมถึงการเป็น Creative Space พื้นที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะไปจนถึงการปรับภูมิทัศน์เพื่อรองรับการเข้ามาของผู้คนจำนวนมาก
“ฉันรู้สึกว่าอาคารแห่งนี้ยังมีประโยชน์อยู่อีกมาก เช่นเดียวกันกับพื้นที่ Central ดังนั้นในปี 2009 พวกเราจึงตั้งใจทำงานกันอย่างหนักเพื่อโครงการ Conserving Central นี้ เพื่อทำให้พื้นที่แห่งนี้ก้าวไปอีกหนึ่งระดับ”
“โครงการทั้ง 8 แห่งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำเสนอมุมมองใหม่ของพื้นที่ Central เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาวฮ่องกง และชาวต่างชาติ ประกอบไปด้วย Central Harbourfront ที่ปัจจุบันเป็นทั้งจุดนัดพบและพื้นที่สำหรับจัดเทศกาลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการอีก 2 แห่งที่แล้วเสร็จ ได้แก่ PMQ อาคารที่ดัดแปลงมาจากสถานีตำรวจเก่าบนถนน Hollywood ซึ่งได้กลายเป็นศูนย์รวมงานดีไซน์สำหรับนักออกแบบรุ่นใหม่ของฮ่องกง ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมตั้งแต่เปิดให้บริการแล้วมากกว่า 3 ล้านคน และ CGO ศูนย์ราชการของฮ่องกง ที่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Justice Place ศูนย์รวมด้านกฎหมาย และสถานที่ที่กำลังจะใกล้เสร็จอีกหนึ่งที่นั่นก็คือ The Murray โรงแรมหรู จำนวน 336 ห้อง”
แครี่ แลม ผู้บริหารของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและหัวหน้าโครงการ Conserving Central กล่าวในงานเปิดตัวโครงการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2017
สถานที่แรกที่เราได้ไปถึงคือ PMQ แฟลตตำรวจเก่าที่กลายมาเป็น Art Community และ Creative Space ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของ SoHo ตึกนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1889 เดิมเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรก แต่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อปี1948 ตึกได้ถูกสร้างใหม่เป็น PMQ เพื่อเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะได้ได้รับการฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลงให้ทันยุคสมัยมากขึ้น และเปิดใช้อีกครั้งเมื่อปี 2014 โดยได้มีการปรับปรุงอย่างสร้างสรรค์ เช่น มีห้องสตูดิโอสำหรับจัดนิทรรศการ และมีพื้นที่สำหรับร้านค้าเพื่อขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว
ก่อนที่เราจะกลับที่พักกันในวันแรก เราเลือกที่จะเดินทางข้ามกลับไปฝั่งเกาลูนด้วยการขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามฝาก เพื่อที่จะได้ไปเยี่ยมชม New Central Harbour Front หนึ่งในสถานที่ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในโครงการ Conserving Central
New Central Harbour Front คือท่าเรือเก่าใจกลางเมืองที่ถูกปรับปรุงและออกแบบใหม่ด้วยจุดประสงค์ที่มุ่งเน้นเพื่อเป็น ศูนย์การเงินระหว่างประเทศ ท่าเรือสาธารณะ และเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของฮ่องกง ในการปรับปรุงครั้งนี้รัฐบาลต้องการให้พื้นที่นี้กลายเป็น เขตพื้นที่ผสมผสาน โดยพัฒนาจากการเป็นที่ตั้งของตึกระฟ้าและศูนย์กลางเศรษฐกิจ ให้ประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว พื้นที่จัดงาน และพื้นที่เพื่อสาธารณะประโยชน์ เพื่อเป็นจุดบรรจบกันของความเร่งรีบและการพักผ่อนได้อย่างลงตัว ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน
เมื่อเดินออกจาก CGO ไปไม่ไกล เราก็พบกับตึกสูงที่เป็นเอกลักษณ์สะดุดตาที่ตั้งเด่นอยู่หน้าทางเข้า CGO ด้วยหน้าต่างกระจกรอบตัวตึกที่ถูกจัดวางในองศาที่แปลกตา นี่คือโรงแรมหรูแห่งใหม่ที่ถูกปรับปรุงจากตึกราชการเก่า ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในนามของ The Murray
หน้าต่างที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมหรู The Murray
Murray Building สร้างขึ้นในปี 1969 ออกแบบโดยมีหน้าต่างรอบด้าน แต่สามารถป้องกันแสงอาทิตย์ไม่ให้เข้าภายในอาคารมากจนเกินไป และได้รับรางวัลการออกแบบ Merit of the Energy Efficient Building Award อีกทั้งตัวอาคารยังล้อมรอบด้วยถนนสายหลัก ทำให้การเดินทางสู่อาคารสะดวกและง่ายที่สุดทำให้ The Murray กลายเป็นโรงแรมสุดหรูที่โดดเด่นเป็นที่สนใจของผู้เข้าพักรวมถึงนักท่องเที่ยวมากมายที่เดินทางผ่านมาเพื่อไปยังจุดชมวิว The peak ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน
พื้นที่ร้านอาหารด้านนอกของ The Murray โรงแรมระดับไฮเอนด์
The Murray กลายเป็นสัญลักษณ์ชิ้นเอกที่แสดงถึงการใช้ประโยชน์จากการปรับปรุงสถาปัตยกรรมเก่า โดยเก็บความงดงามของโครงสร้างเดิมไว้ แล้วนำมาปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของสถาปัตยกรรมอย่างชาญฉลาด
หลังจากที่เราได้เดินชมสามสถาปัตยกรรมในละแวกเดียวกันไปแล้ว เราจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่ถัดไป ที่เราได้สืบทราบมาว่าที่นี่มีสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ที่เป็นศิลปะแบบ วิคตอเรียน-เอ็ดเวิร์ดเดียน โคโลเนียล จากยุคปลายศตวรรศที่19 ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่เดียวในบริเวณ City Centre ซึ่งก็คือ The Central Police Station Compound (CPS)
The Central Police Station Compound ที่ถูกดัดแปลงเกือบแล้วเสร็จสำหรับเป็นที่จัดแสดงงานทางศิลปะและวัฒนธรรม
ในโครงการ Conserving Central รัฐบาลได้ร่วมมือกับ The Hong Kong Jockey Club (HKJC) เพื่อดำเนินการปรับปรุงและฟื้นฟูอาคารสถาปัตยกรรมนี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางของมรดกทางศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินของประชาชน โดยมีหอศิลป์และโรงละครเพื่อโปรโมทศิลปะร่วมสมัยและการแสดงในฮ่องกง ตอนที่เราไปถึงนั้น ยังมีการซ่อมแซมปรับปรุงทั้งภายในและภายนอกอาคารแต่ก็มีความคืบหน้าไปมากทีเดียว ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดให้เข้าชมได้ในภายหลังตามจุดประสงค์ของโครงการ
อีกหนึ่งสถานที่ในโครงการที่ยังคงอยู่ระหว่างการปรับปรุงคือ Central Market ที่มีต้นกำเนิดมาจาก The Canton Bazaar ซึ่งเป็นถิ่นฐานเก่าแก่ที่สุดของชาวจีนในละแวกนี้ ตามประวัติศาสตร์ฮ่องกงกล่าวได้ว่าสถานที่นี้เป็นที่ที่วัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกมารวมกัน รวมไปถึงจุดบรรจบกันของวัฒนธรรมเก่าและใหม่ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เป็นใจกลางของเมืองท่าฮ่องกงและเป็นศูนย์รวมของสำนักงานที่บริษัทมากมายต่างมาลงทุน ซึ่งจากการไปเยี่ยมชมของเราถึงแม้อาคารของโครงการจะยังอยู่ในการก่อสร้างแต่พื้นที่โดยรอบพวกเราก็พบว่ามีความคึกคักมากทีเดียว
จากการประชุมของคณะกรรมการ Central Market จะถูกปรับปรุงให้กลายเป็น “Central Oasis” เพื่อเป็นศูนย์กลางของการค้าขายที่คึกคักและมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบริเวณเมืองที่ล้อมไปด้วยตึกสูง นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงงานศิลปะบนชั้นดาดฟ้า ร้านหนังสือขนาดใหญ่ รวมทั้งร้านอาหารไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย เพื่อจุดประสงค์ให้เป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์ของชาวฮ่องกง โดยไม่ลืมที่จะใส่ใจกับพนักงานออฟฟิศจำนวนมากจากบริเวณสำนักงานโดยรอบที่จะสามารถมาใช้พื้นที่ในการพักผ่อน และเป็น Co-Working Space
สถานที่สุดท้ายในโครงการ Conserving Central ที่เราได้มาเยี่ยมชมคือ Hongkong Sheng Keng Hui Compound ซึ่งเป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ทางด้านศาสนาที่เก่าแก่และยาวนาน โดยเป็นกลุ่มอาคารเก่าแก่ 4 อาคาร ที่มีความโดดเด่นทางรูปลักษณ์ที่สวยงาม ประกอบไปด้วย Bishop’s House , โบสถ์ St. Paul’s , เกสท์เฮาส์, และโรงเรียนประถม Sheng Keng Hui กลุ่มอาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านความเจริญที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหารและสถานที่ต่างๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีถนนเดินเชื่อมไปยัง Hollywood Raod ได้ไม่ยากนัก ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินสูง และทำให้เราต้องใช้เวลาพอสมควรในการเดินขึ้นไปเยี่ยมชม
Bishop’s House หนึ่งในหมู่อาคารของชุมชน Sheng Keng Hui ที่โดดเดนอยู่บนเนินเขา
เรื่องและภาพ : เอม มฤคทัต, ปพิชญา ถนัดศีลธรรม, นิชชา เสริฐปัญญารุ่ง
ในวันที่เส้นขอบฟ้าเต็มไปด้วยตึกสูง การอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมเพื่อประโยชน์ของสาธารณะคือก้าวใหม่ในการพัฒนาเมืองของเกาะฮ่องกง
เมื่อพูดถึงเมืองท่าที่โด่งดังในเอเชีย ฮ่องกง เป็นหนึ่งในคำตอบที่ปรากฏขึ้นในใจของหลายคน ด้วยการที่เป็นแหล่งช้อปปิ้ง และศูนย์รวมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้ภาพลักษณ์ของเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ในสายตาชาวต่างชาติ เป็นเมืองที่มีการเจริญเติบโตของตึกสูงระฟ้ามากมาย
หากแต่ฮ่องกงไม่เพียงที่จะพัฒนาไปสู่ความทันสมัยเพียงด้านเดียว เมืองท่าแห่งนี้ยังคงความผสมผสานในวัฒนธรรมเก่าและใหม่ไว้ด้วยกัน ด้วยวัฒนธรรมชาวพุทธในด้านความเชื่อ ทำให้เห็นได้ว่ายังมีสถานที่สำคัญทางศาสนามากมาย อีกทั้งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เช่น ห้างสรรพสินค้าและตึกสำนักงาน
เช่นเดียวกับพื้นที่ Central ของเกาะฮ่องกง เดิมเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Victoria City ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางราชการและการทหาร ต่อมาพื้นที่ดังกล่าวจะถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเป็นเมืองท่าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
ในปัจจุบันพื้นที่ Central ได้กลายเป็นแหล่งรวบรวมความเจริญทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า โรงเรียน สถาบันการเงิน สถานที่ราชการไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายที่รองรับผู้คนทั้งจากในฮ่องกงและชาวต่างชาติ และด้วยความเจริญที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดทำให้พื้นที่ Central ในปัจจุบันถูกเติมเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างและอาคารตึกสูงที่ค่อยๆ กลืนกินพื้นที่ศูนย์กลางของเกาะฮ่องกงแห่งนี้ และนี่จึงเป็นที่มาของโครงการ “Conserving Central” โครงการที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 เพื่อรักษาสถาปัตยกรรมดั่งเดิมของเกาะฮ่องกงเอาไว้
Conserving Central เป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลฮ่องกงที่มีเป้าหมายเพื่อให้องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ เข้ามาปรับปรุงพื้นที่และอาคารเก่าของรัฐบาล เพื่อประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม โดยโครงการดังกล่าวมีแผนในการปรับปรุงพื้นที่ทั้งหมด 19 แห่งและได้อยู่ในแผนดำเนินการในพื้นที่ Central ทั้งหมด 8 แห่ง ได้แก่
พื้นที่ต่างๆ เหล่านี้จะถูกปรับเปลี่ยนให้มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งในด้านรูปแบบและการใช้สอย รวมถึงการเป็น Creative Space พื้นที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะไปจนถึงการปรับภูมิทัศน์เพื่อรองรับการเข้ามาของผู้คนจำนวนมาก
“ฉันรู้สึกว่าอาคารแห่งนี้ยังมีประโยชน์อยู่อีกมาก เช่นเดียวกันกับพื้นที่ Central ดังนั้นในปี 2009 พวกเราจึงตั้งใจทำงานกันอย่างหนักเพื่อโครงการ Conserving Central นี้ เพื่อทำให้พื้นที่แห่งนี้ก้าวไปอีกหนึ่งระดับ”
“โครงการทั้ง 8 แห่งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำเสนอมุมมองใหม่ของพื้นที่ Central เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาวฮ่องกง และชาวต่างชาติ ประกอบไปด้วย Central Harbourfront ที่ปัจจุบันเป็นทั้งจุดนัดพบและพื้นที่สำหรับจัดเทศกาลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการอีก 2 แห่งที่แล้วเสร็จ ได้แก่ PMQ อาคารที่ดัดแปลงมาจากสถานีตำรวจเก่าบนถนน Hollywood ซึ่งได้กลายเป็นศูนย์รวมงานดีไซน์สำหรับนักออกแบบรุ่นใหม่ของฮ่องกง ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมตั้งแต่เปิดให้บริการแล้วมากกว่า 3 ล้านคน และ CGO ศูนย์ราชการของฮ่องกง ที่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Justice Place ศูนย์รวมด้านกฎหมาย และสถานที่ที่กำลังจะใกล้เสร็จอีกหนึ่งที่นั่นก็คือ The Murray โรงแรมหรู จำนวน 336 ห้อง”
แครี่ แลม ผู้บริหารของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและหัวหน้าโครงการ Conserving Central กล่าวในงานเปิดตัวโครงการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2017
สถานที่แรกที่เราได้ไปถึงคือ PMQ แฟลตตำรวจเก่าที่กลายมาเป็น Art Community และ Creative Space ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของ SoHo ตึกนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1889 เดิมเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรก แต่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อปี1948 ตึกได้ถูกสร้างใหม่เป็น PMQ เพื่อเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะได้ได้รับการฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลงให้ทันยุคสมัยมากขึ้น และเปิดใช้อีกครั้งเมื่อปี 2014 โดยได้มีการปรับปรุงอย่างสร้างสรรค์ เช่น มีห้องสตูดิโอสำหรับจัดนิทรรศการ และมีพื้นที่สำหรับร้านค้าเพื่อขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว
บริเวณตึกนั้นถูกรักษาโครงสร้างเดิมที่แบ่งเป็นห้องพักไว้ โดยปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้าที่มีการดีไซน์สวยงาม ทั้งร้านขายของ และคาเฟ่ ถูกบรรจุอยู่ในห้องพักต่างๆ นอกจากนี้ในแต่ละสัปดาห์ของเดือนยังมีการผลัดเปลี่ยนของงานนิทรรศการต่างๆ ทั้งจากศิลปินหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่มักจะนำผลงานศิลปะของตนมาจัดแสดงหรือจัดเวิร์คช็อปทางศิลปะเล็กๆ สำหรับผู้คนที่สนใจ รวมไปถึงตัวอาคารที่ยังมีการปรับให้ดูทันสมัยด้วยการใช้สีขาวและสีฟ้าน้ำทะเล เป็นสีหลักในการตกแต่งสถาปัตยกรรมเก่าแห่งนี้
เมื่อเราได้เดินดูรอบๆแล้ว พบว่าสถาปัตยกรรมที่ร่วมสมัยและโดดเด่น ประกอบกับการเป็นศูนย์รวมงานศิลปะมากมาย ทำให้ PMQ เป็นศูนย์กลางของงานดีไซน์และความคิดสร้างสรรค์ ที่ดึงดูดทั้งชาวฮ่องกง และนักท่องเที่ยวที่สนใจในศิลปะมาเยี่ยมชม
ถึงแม้ PMQ จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นพื้นที่ของความคิดสร้างสรรค์สมัยใหม่ แต่การปรับปรุงครั้งนี้ไม่ได้พลาดการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าไว้ ด้วยการที่ยังเก็บรักษารากฐานของตึกในยุคแรก พร้อมทั้งเปิดให้เข้าชมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมแห่งนี้ ในบริเวณชั้นใต้ดินของ PMQ รวมถึงมีทัวร์พาชมจุดประวัติศาสตร์ต่างๆในบริเวณตึกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ก่อนที่เราจะกลับที่พักกันในวันแรก เราเลือกที่จะเดินทางข้ามกลับไปฝั่งเกาลูนด้วยการขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามฝาก เพื่อที่จะได้ไปเยี่ยมชม New Central Harbour Front หนึ่งในสถานที่ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในโครงการ Conserving Central
New Central Harbour Front คือท่าเรือเก่าใจกลางเมืองที่ถูกปรับปรุงและออกแบบใหม่ด้วยจุดประสงค์ที่มุ่งเน้นเพื่อเป็น ศูนย์การเงินระหว่างประเทศ ท่าเรือสาธารณะ และเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของฮ่องกง ในการปรับปรุงครั้งนี้รัฐบาลต้องการให้พื้นที่นี้กลายเป็น เขตพื้นที่ผสมผสาน โดยพัฒนาจากการเป็นที่ตั้งของตึกระฟ้าและศูนย์กลางเศรษฐกิจ ให้ประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว พื้นที่จัดงาน และพื้นที่เพื่อสาธารณะประโยชน์ เพื่อเป็นจุดบรรจบกันของความเร่งรีบและการพักผ่อนได้อย่างลงตัว ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน
พื้นที่ริมอ่าวที่เสริมด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Low-rise structures ให้สมดุลกับตึกระฟ้าจำนวนมากอันเป็นที่ตั้งของบริษัทธุรกิจ รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่สาธารณะสีเขียว ให้ผู้คนได้มาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมต่างๆ ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและผ่อนคลายกับชาวฮ่องกง ซึ่งในช่วงที่เราไปถึงนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาจับจองพื้นที่ทั้งนั่งปิคนิค พาเด็กๆ มาเล่น หรือมาออกกำลังกายกันจนหนาแน่นเต็มบริเวณ ซึ่งจากบริเวณนี้เราจะสามารถมองเห็นอ่าวฮ่องกงได้อย่างชัดเจน และเมื่อเดินเลยออกไปอีกหน่อยเราก็จะพบกับชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์และพื้นที่จัดกิจกรรมที่จะพบชาวฮ่องกงอีกจำนวนหนึ่งที่มาพักผ่อนหย่อนใจกัน
ในวันต่อมา เราวางแผนที่จะเดินทางไปชมอีก 6 สถานที่ในโครงการ Conserving Central ซึ่งสถานที่แรกที่เราตั้งใจจะไป คือ Central Government Offices Complex (CGO) หรือ ศูนย์ราชการของฮ่องกง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็น Justice Place หลังจากที่พื้นที่ถูกพัฒนาเสร็จในปี 2011 ที่ผ่านมา โดยภายนอกนั้นอาจดูเหมือนตึกทั่วไป หากแต่ความสำคัญคือสถาปัตยกรรมภายในที่ถูกรักษาไว้ เนื่องจากการปรับปรุงตึกนั้นรัฐบาลได้มองเห็นความสำคัญในการรักษารูปทรงไว้ในเชิงประวัติศาสตร์ และปรับปรุงใหม่เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น เพื่อให้เหมาะสมต่อความต้องการและประโยชน์ของสาธารณะมากขึ้น
แต่เมื่อเราไปถึงก็พบว่า ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ แต่ที่เราได้กลับมาคือบรรยากาศของที่บริเวณโดยรอบตึก CGO นั้น ประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ โบสถ์เซนต์จอนห์น และที่สำคัญคือ Former French Mission Building ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งในโครงการ ตัวสถาปัตยกรรมเป็นอิฐสีแดงสวยงาม โดดเด่นจากสถาปัตยกรรมร่วมสมัยโดยรอบ
อาคารแห่งนี้ถูกใช้งานมาหลายรูปแบบ ทั้งการเป็นที่พักของผู้ว่าการฮ่องกงคนที่ 1 และ 2 รวมถึงเป็นสถานทูตรัสเซีย ก่อนที่องค์กรปารีส ฟอเรจ์น มิชชั่น (the Paris Foreign Missions Society) จะเข้าใช้งานและปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยตกแต่งเน้นโทนสีส้มเพิ่มหอสสวดมนต์ซึ่งมีหลังคาทรงกลมอยู่ด้านบน ตัวอาคารก็ได้ปรับโฉมด้วยอิฐแดงและถูกเปิดทำการอีกครั้งในปี 1917 ต่อมาในปี 1953 ก็ได้ถูกขายคืนสู่รัฐบาลฮ่องกง หลังจากนั้นก็ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้ใช้เป็นศาลอุทธรณ์สูงสุด เมื่อคราวที่อังกฤษคืนฮ่องกงให้จีนเมื่อ 1 กรกฎาคม 1997 โดยตึกนี้กำลังจะถูกปรับปรุงต่อไปในอนาคต ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ Conserving Central
พื้นที่บริเวณนี้มีการจัดสรรให้เป็นที่พักผ่อน โดยสร้างเป็นสวนสาธารณะเชื่อมพื้นที่แต่ละส่วนไว้ ทำให้เราพบชาวฮ่องกงหลายกลุ่มเข้ามาใช้พื้นที่นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ ในวันหยุดเช้งเม้งนี้
เมื่อเดินออกจาก CGO ไปไม่ไกล เราก็พบกับตึกสูงที่เป็นเอกลักษณ์สะดุดตาที่ตั้งเด่นอยู่หน้าทางเข้า CGO ด้วยหน้าต่างกระจกรอบตัวตึกที่ถูกจัดวางในองศาที่แปลกตา นี่คือโรงแรมหรูแห่งใหม่ที่ถูกปรับปรุงจากตึกราชการเก่า ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในนามของ The Murray
Murray Building สร้างขึ้นในปี 1969 ออกแบบโดยมีหน้าต่างรอบด้าน แต่สามารถป้องกันแสงอาทิตย์ไม่ให้เข้าภายในอาคารมากจนเกินไป และได้รับรางวัลการออกแบบ Merit of the Energy Efficient Building Award อีกทั้งตัวอาคารยังล้อมรอบด้วยถนนสายหลัก ทำให้การเดินทางสู่อาคารสะดวกและง่ายที่สุด ทำให้ The Murray กลายเป็นโรงแรมสุดหรูที่โดดเด่นเป็นที่สนใจของผู้เข้าพักรวมถึงนักท่องเที่ยวมากมายที่เดินทางผ่านมาเพื่อไปยังจุดชมวิว The peak ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน
The Murray กลายเป็นสัญลักษณ์ชิ้นเอกที่แสดงถึงการใช้ประโยชน์จากการปรับปรุงสถาปัตยกรรมเก่า โดยเก็บความงดงามของโครงสร้างเดิมไว้ แล้วนำมาปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของสถาปัตยกรรมอย่างชาญฉลาด
หลังจากที่เราได้เดินชมสามสถาปัตยกรรมในละแวกเดียวกันไปแล้ว เราจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่ถัดไป ที่เราได้สืบทราบมาว่าที่นี่มีสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ที่เป็นศิลปะแบบ วิคตอเรียน-เอ็ดเวิร์ดเดียน โคโลเนียล จากยุคปลายศตวรรศที่19 ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่เดียวในบริเวณ City Centre ซึ่งก็คือ The Central Police Station Compound (CPS)
ตึกทรงฝรั่งสีขาวครีมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านตลอดถนนเส้นเล็ก สะดุดตาตั้งแต่เราเดินพ้นหัวมุม ทำให้รู้สึกได้ถึงความสวยงามของสถาปัตยกรรม ในยุคเริ่มแรก กลุ่มสถาปัตยกรรมนี้ประกอบไปด้วย 3 อาคาร คือสถานีตำรวจ สถานพิพากษา และเรือนจำ แต่เรือนจำวิคตอเรีย (Victoria Prison) ได้ถูกทำลายโดยระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงกล่าวได้ว่า สถาปัตยกรรมแห่งนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมและกฏหมาย
ในโครงการ Conserving Central รัฐบาลได้ร่วมมือกับ The Hong Kong Jockey Club (HKJC) เพื่อดำเนินการปรับปรุงและฟื้นฟูอาคารสถาปัตยกรรมนี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางของมรดกทางศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินของประชาชน โดยมีหอศิลป์และโรงละครเพื่อโปรโมทศิลปะร่วมสมัยและการแสดงในฮ่องกง ตอนที่เราไปถึงนั้น ยังมีการซ่อมแซมปรับปรุงทั้งภายในและภายนอกอาคารแต่ก็มีความคืบหน้าไปมากทีเดียว ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดให้เข้าชมได้ในภายหลังตามจุดประสงค์ของโครงการ
อีกหนึ่งสถานที่ในโครงการที่ยังคงอยู่ระหว่างการปรับปรุงคือ Central Market ที่มีต้นกำเนิดมาจาก The Canton Bazaar ซึ่งเป็นถิ่นฐานเก่าแก่ที่สุดของชาวจีนในละแวกนี้ ตามประวัติศาสตร์ฮ่องกงกล่าวได้ว่าสถานที่นี้เป็นที่ที่วัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกมารวมกัน รวมไปถึงจุดบรรจบกันของวัฒนธรรมเก่าและใหม่ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เป็นใจกลางของเมืองท่าฮ่องกงและเป็นศูนย์รวมของสำนักงานที่บริษัทมากมายต่างมาลงทุน ซึ่งจากการไปเยี่ยมชมของเราถึงแม้อาคารของโครงการจะยังอยู่ในการก่อสร้างแต่พื้นที่โดยรอบพวกเราก็พบว่ามีความคึกคักมากทีเดียว
จากการประชุมของคณะกรรมการ Central Market จะถูกปรับปรุงให้กลายเป็น “Central Oasis” เพื่อเป็นศูนย์กลางของการค้าขายที่คึกคักและมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบริเวณเมืองที่ล้อมไปด้วยตึกสูง นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงงานศิลปะบนชั้นดาดฟ้า ร้านหนังสือขนาดใหญ่ รวมทั้งร้านอาหารไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย เพื่อจุดประสงค์ให้เป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์ของชาวฮ่องกง โดยไม่ลืมที่จะใส่ใจกับพนักงานออฟฟิศจำนวนมากจากบริเวณสำนักงานโดยรอบที่จะสามารถมาใช้พื้นที่ในการพักผ่อน และเป็น Co-Working Space
สถานที่สุดท้ายในโครงการ Conserving Central ที่เราได้มาเยี่ยมชมคือ Hongkong Sheng Keng Hui Compound ซึ่งเป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ทางด้านศาสนาที่เก่าแก่และยาวนาน โดยเป็นกลุ่มอาคารเก่าแก่ 4 อาคาร ที่มีความโดดเด่นทางรูปลักษณ์ที่สวยงาม ประกอบไปด้วย Bishop’s House , โบสถ์ St. Paul’s , เกสท์เฮาส์, และโรงเรียนประถม Sheng Keng Hui กลุ่มอาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านความเจริญที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหารและสถานที่ต่างๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีถนนเดินเชื่อมไปยัง Hollywood Raod ได้ไม่ยากนัก ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินสูง และทำให้เราต้องใช้เวลาพอสมควรในการเดินขึ้นไปเยี่ยมชม
เราขึ้นไปพบกับโรงเรียนประถมและโบสถ์ซึ่งปิดทำการ เพราะตรงกับทั้งวันหยุดและช่วงปิดเทอมของเด็กๆ ตึกทั้งสองแห่งเป็นอาคารขนาดเล็กขาวสะอาด แทรกด้วยสีฟ้า ในขณะที่ตึกด้านหลังทั้งสองตึกที่อยู่ทางด้านหลังกำลังอยู่ในการปรับปรุงซ่อมแซมบางอย่าง มีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งที่เดินแวะเวียนผ่านมาให้พวกเราเห็นเป็นระยะ
แต่ด้วยความที่พื้นที่บริเวณดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นเพียงกลุ่มอาคารเดียวที่ยังคงมีการใช้ประโยชน์อยู่จนถึงปัจจุบัน ทำให้สถานที่แห่งนี้ยังไม่ได้รับการปรับปรุงจากทางโครงการ เพราะยังติดทั้งปัญหาด้านการใช้ประโยชน์และการจัดการกับอาคารหากต้องโยกย้ายสิ่งที่อยู่ภายใน ทำให้โครงการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเพื่อปรับเปลี่ยนต่อไปในอนาคต
การไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ ในโครงการ Conserving Central ทำให้เราได้เห็นวิธีการจัดการกับสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติได้อย่างเกิดประโยชน์มากกว่าการทำลายทิ้ง เพราะไม่เพียงแต่รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ เข้ามาดัดแปลงและใช้พื้นที่เท่านั้น สถานที่ต่างๆ ดังกล่าวยังกลายเป็นพื้นที่ที่เป็นประโยชน์สำหรับชาวฮ่องกงที่สามารถมาใช้บริการหรือนั่งพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สาธารณะที่ใช้ประโยชน์ได้จริง และยังสามารถเรียกนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาเยี่ยมชมได้อีกด้วย
จุดเด่นที่พวกเราพบว่าเป็นจุดที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของโครงการนี้นั่นก็คือ การเก็บรักษาตัวอาคารเก่าเอาไว้ได้ แต่ขณะเดียวกันการดัดแปลงและต่อเติมอาคารเหล่านั้นก็ยังตอบรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้อย่างลงตัวทั้งในด้านการใช้สอยและในทางสถาปัตยกรรม นี่จึงอาจทำให้ในอนาคตฮ่องกงจะมีสถาปัตยกรรมที่สวมงามและเกิดประโยชน์ที่จะรองรับผู้คนได้อีกมากมาย
อย่างไรก็ตามพวกเราได้พบเห็นปัญหาที่ตามมาจากการวางแผนของโครงการนี้ เนื่องจากอาคารในหลายจุดยังเป็นที่ที่ผู้คนยังจำเป็นต้องใช้ประโยชน์อยู่ และการเข้าไปต่อเติมหรือปิดอาคารเหล่านั้นอาจส่งผลต่อผู้คนในชุมชนเป็นอย่างมาก ดังที่เราได้เข้าไปในชุมชน Sheng Kung Hui ซึ่งเป็นสถานที่หนึ่งในโครงการที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้เข้าไปดัดแปลง พวกเราพบว่าพื้นที่ในส่วนนั้นยังเป็นทั้งโรงเรียนอนุบาลและโบสถ์ที่ผู้คนจำนวนหนึ่งยังจำเป็นที่จะต้องใช้ประโยชน์ และการเข้าไปต่อเติมอาจทำให้ย่านชุมชนเก่านี้เปลี่ยนแปลงไปด้วยอาคารแปลกตา และอาจทำให้หลายๆ สิ่งในชุมชนจำเป็นที่จะต้องหยุดชะงักลง
สิ่งที่รัฐบาลฮ่องกงอาจไม่ได้ตระหนักถึงก็คือ การวางมาตราการในการจัดการพื้นที่สาธารณะเหล่านั้นในกรณีที่พื้นที่บางส่วนยังถูกใช้ประโยชน์อยู่จนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่อาคารร้างหรือสำนักงานที่มีพื้นที่ใหม่ในการรองรับ ดังนั้นการจัดพื้นที่รองรับหรือการพูดคุยกับชุมชนให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นเดียวกับการพัฒนาโครงสร้างต่างๆ ของประเทศ
ที่มา
http://www.bbc.com/storyworks/capital/city-of-inspiration/heritage
https://www.devb.gov.hk/en/issues_in_focus/conserving_central/index.html
http://www.news.gov.hk/en/record/html/2017/12/20171220_210827.shtml
http://www.hkskh.org/index.aspx?lang=1
http://www.pmq.org.hk
https://www.landmark.hk/en/around-central/experience-central/former-french-mission-building
Share this:
Like this: