เรื่อง/ภาพ: ณัฐรัตน์ ตรีพรชัยศักดิ์
บันทึกการเดินทางครั้งสุดท้ายในรั้วจามจุรี – การเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่การเดินทางอันไกลนัก หากแต่เป็นการเดินทางเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง ที่ได้ซุกซ่อนตัวในโลกของเราทุกคนอยู่ตลอดเวลา…
ความเงียบงันในยามเช้า ใครจะรู้ว่า มีโลกของคนคนหนึ่งรอคุณอยู่
“เดินเดินเถิดรานิสิตมหาจุฬาลงกรณ์” เสียงเพลงดังก้องในหัวของฉัน พลันกระตุ้นให้ย้อนคิดถึงชีวิตตลอดสี่ปีในบ้านหลังนี้ ฉันถูกรายล้อมไปด้วยเสียงมากมาย เป็นน้ำเสียงอันสดใส เป็นห้วงจังหวะแห่งความสนุกสนานจากกิจกรรมประจำคณะ ความเต็มที่ของมิตรภาพ รวมไปถึงเสียงหัวใจของตัวฉันเองที่เต้นรัวทุกครั้ง เมื่อได้พบปะกับเพื่อนๆ ทุกคน ท่วงทำนองเหล่านี้ ทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่า ยังมีเสียงอื่นใดอีกหรือไม่ ที่ฉันอาจยังไม่เคยได้ยินในบ้านที่ชื่อว่าจุฬาลงกรณ์
เช้าตรู่ของวัน ฉันเดินทางมาเรียนตามปกติ เสียงเพลงโปรดในโทรศัพท์ขับกล่อมให้เช้านี้ไม่เงียบเหงา เมื่อถึงที่หมายแล้ว ช่วงเวลาแห่งความเงียบงันก็ได้คืบคลานเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ฉันจึงตัดสินใจสละความเหงาหงอยทิ้งและปล่อยตัวให้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศยามเช้า
ขาสองข้างของฉันเริ่มออกทำงานโดยการขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารเรียนรวมหลังเดิม – ลิฟท์จอดที่ชั้น 12 ซึ่งเป็นที่หมายที่ฉันมักจะมาพักผ่อนและขับเคลื่อนมวลเก่าต่างๆ ออกจากร่างกายให้หมด
เช้าขนาดนี้ ไม่น่าจะมีใครมานะ – ฉันคิดในใจว่าเช้านี้ ที่แห่งนี้จะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว…
“มาเช้าจังเลยหนู” เสียงแหลมเล็กปนนุ่มนวลกระทบปลายหูของฉัน เจ้าของเสียงนี้เป็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางใจดีและมีรอยยิ้มประดับใบหน้าของเธอเสมอ เธอคือคนที่ฉันพบเกือบทุกเช้าก่อนเข้าเรียนและเป็นคนที่ทำให้ทั่วทุกบริเวณของอาคารนี้ปราศจากความสกปรก
“พ่อมาส่งแต่เช้าทุกวันเลยค่ะ ถ้าออกสายจะกลายเป็นมาช้าไปเลย” ฉันเชื่อมประสานบทสนทนายามเช้าให้ยาวนานยิ่งขึ้น จนการพูดคุยกับเธอกลายเป็นสิ่งที่ฉันคุ้นเคยมากทีเดียว
ในแต่ละวัน เรื่องราวที่เราสองคนแลกเปลี่ยนล้วนสนุกสนานกว่าเดิม ฉันได้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ ที่ไม่ใช่แค่การเป็นผู้รักษาความสะอาด ฉันได้ซึมซับอิริยาบถอันงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตยามเช้า สีหน้าอันอบอวลด้วยรอยยิ้มทำให้ฉันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“ใกล้จะเรียนจบแล้วใช่มั้ย ลูกป้าก็อายุพอๆ กับหนูแหละ” เธอพูดไปพลางหุงข้าวหม้อเล็กๆ ในห้องเก็บอุปกรณ์ของเธอ – เป็นห้องที่เต็มไปด้วยผืนผ้าขนาดใหญ่ ไม้ทำความสะอาด และถังน้ำสีหม่นสองใบ
สำหรับเธอคนนี้ ผู้ที่ฉันเคารพไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่ เธอคงไม่ได้หวังเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ไม่ได้หวังจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ เธอเพียงแต่ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
“โชคดีนะลูก” เสียงนี้กล่าวทิ้งท้าย เป็นเสียงที่ฉันไม่อาจหลงลืมได้
หวังใจว่าทุกท่านจะไม่หลงลืมเธอเช่นกัน
มุมหนึ่งของตึก พื้นที่ซึ่งไม่กว้างไม่แคบ เป็นเหมือนบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ
Like this:
Like Loading...
เรื่อง/ภาพ: ณัฐรัตน์ ตรีพรชัยศักดิ์
บันทึกการเดินทางครั้งสุดท้ายในรั้วจามจุรี – การเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่การเดินทางอันไกลนัก หากแต่เป็นการเดินทางเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง ที่ได้ซุกซ่อนตัวในโลกของเราทุกคนอยู่ตลอดเวลา…
“เดินเดินเถิดรานิสิตมหาจุฬาลงกรณ์” เสียงเพลงดังก้องในหัวของฉัน พลันกระตุ้นให้ย้อนคิดถึงชีวิตตลอดสี่ปีในบ้านหลังนี้ ฉันถูกรายล้อมไปด้วยเสียงมากมาย เป็นน้ำเสียงอันสดใส เป็นห้วงจังหวะแห่งความสนุกสนานจากกิจกรรมประจำคณะ ความเต็มที่ของมิตรภาพ รวมไปถึงเสียงหัวใจของตัวฉันเองที่เต้นรัวทุกครั้ง เมื่อได้พบปะกับเพื่อนๆ ทุกคน ท่วงทำนองเหล่านี้ ทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่า ยังมีเสียงอื่นใดอีกหรือไม่ ที่ฉันอาจยังไม่เคยได้ยินในบ้านที่ชื่อว่าจุฬาลงกรณ์
เช้าตรู่ของวัน ฉันเดินทางมาเรียนตามปกติ เสียงเพลงโปรดในโทรศัพท์ขับกล่อมให้เช้านี้ไม่เงียบเหงา เมื่อถึงที่หมายแล้ว ช่วงเวลาแห่งความเงียบงันก็ได้คืบคลานเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ฉันจึงตัดสินใจสละความเหงาหงอยทิ้งและปล่อยตัวให้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศยามเช้า
ขาสองข้างของฉันเริ่มออกทำงานโดยการขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารเรียนรวมหลังเดิม – ลิฟท์จอดที่ชั้น 12 ซึ่งเป็นที่หมายที่ฉันมักจะมาพักผ่อนและขับเคลื่อนมวลเก่าต่างๆ ออกจากร่างกายให้หมด
เช้าขนาดนี้ ไม่น่าจะมีใครมานะ – ฉันคิดในใจว่าเช้านี้ ที่แห่งนี้จะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว…
“มาเช้าจังเลยหนู” เสียงแหลมเล็กปนนุ่มนวลกระทบปลายหูของฉัน เจ้าของเสียงนี้เป็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางใจดีและมีรอยยิ้มประดับใบหน้าของเธอเสมอ เธอคือคนที่ฉันพบเกือบทุกเช้าก่อนเข้าเรียนและเป็นคนที่ทำให้ทั่วทุกบริเวณของอาคารนี้ปราศจากความสกปรก
“พ่อมาส่งแต่เช้าทุกวันเลยค่ะ ถ้าออกสายจะกลายเป็นมาช้าไปเลย” ฉันเชื่อมประสานบทสนทนายามเช้าให้ยาวนานยิ่งขึ้น จนการพูดคุยกับเธอกลายเป็นสิ่งที่ฉันคุ้นเคยมากทีเดียว
ในแต่ละวัน เรื่องราวที่เราสองคนแลกเปลี่ยนล้วนสนุกสนานกว่าเดิม ฉันได้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ ที่ไม่ใช่แค่การเป็นผู้รักษาความสะอาด ฉันได้ซึมซับอิริยาบถอันงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตยามเช้า สีหน้าอันอบอวลด้วยรอยยิ้มทำให้ฉันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“ใกล้จะเรียนจบแล้วใช่มั้ย ลูกป้าก็อายุพอๆ กับหนูแหละ” เธอพูดไปพลางหุงข้าวหม้อเล็กๆ ในห้องเก็บอุปกรณ์ของเธอ – เป็นห้องที่เต็มไปด้วยผืนผ้าขนาดใหญ่ ไม้ทำความสะอาด และถังน้ำสีหม่นสองใบ
สำหรับเธอคนนี้ ผู้ที่ฉันเคารพไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่ เธอคงไม่ได้หวังเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ไม่ได้หวังจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ เธอเพียงแต่ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
“โชคดีนะลูก” เสียงนี้กล่าวทิ้งท้าย เป็นเสียงที่ฉันไม่อาจหลงลืมได้
หวังใจว่าทุกท่านจะไม่หลงลืมเธอเช่นกัน
Share this:
Like this: